วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กั้นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า

      ในบทความนี้ผมจะกล่าวถึงการกั้นผนังห้องน้ำ สำหรับวางเครื่องซักผ้าภายในห้องน้ำ เนื่องจากไม่มีพื้นที่นอกบ้านที่ตั้งเครื่องซักผ้าได้ ซึ่งต้องกันแดดกับฝนได้ คิดไปคิดมาก็เห็นว่าห้องน้ำในบ้านชั้นล่างน่าจะใช้ได้      
      ห้องน้ำชั้นล่างมีพื้นที่ว่างที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ใต้บันได ขนาดพอเหมาะวางเครื่องซักผ้าได้ แต่ต้องแยกพื้นที่เปียกกับแห้งก่อน โดย
         1. ยกพื้นให้สูงขึ้นกว่าระดับปกติ
         2. กั้นผนังแบ่งโซนเปียกกับแห้ง
         3. เดินสายไฟสำหรับเครื่องซักผ้า
อุปกรณ์ที่ใช้
  - อิฐมวลเบา ใช้สำหรับยกพื้นสูงขึ้น
  - อิฐแดง
  - บล๊อคแก้ว
  - เหล็กเส้น 2 หุน น่าจะพอ
  - ท่อ PVC 1/2 นิ้ว และข้อต่อ
  - ก๊อกน้ำและวาล์วน้ำ
  - เทปพันเกลียวท่อน้ำ
  - ปูนกาวปูกระเบื้อง
  - กระเบื้องขนาดและสีตามต้องการ
  - คิ้วกระเบื้อง สีตามใจชอบเช่นกัน
  - ปูนยาแนว
  - กาวประสานท่อ PVC
  - สายไฟ
  - รางครอบสายไฟ
  - ปลั๊กไฟและสวิทช์
  - หลอดฟลูออเรสเซนต์
  -  เทปพันสายไฟฟ้า
เครื่องมือ
  - แท่นตัดกระเบื้อง
  - ค้อนยาง
  - ค้อน
  - สกัด
  - ลูกดิ่ง
  - เกรียงก่อ
  - คีมตัดกระเบื้อง
  - สายเอ็น
  - เกรียงหวี
  - เกรียงยาง
  - ถังผสมปูน
  - สว่าน
  - ระดับน้ำ
  -ไขควง
  - คีม
  - ฟองน้ำ
ก่อนเริ่มทำงานควรคิดและวางแผนให้ดีก่อน ว่าจะทำอะไร อย่างไร และขั้นตอนการทำงานอันไหนทำก่อนทำหลัง จะได้ไม่ต้องมาตามแก้ทีหลัง

ขั้นตอนที่ 1 ยกระดับพื้นให้สูงกว่าระดับพื้นเดิม เพื่อไม่ให้น้ำไหลโดนเครื่องซักผ้าเวลาล้างห้องน้ำหรืออาบน้ำ
   ผมใช้อิฐมวลเบาวางเป็นพื้น เหตุผลเพราะขี้เกียจผสมปูน ประกอบกับพื้นที่ไม่กว้างและไม่ได้รับน้ำหนักเยอะ วางแค่เครื่องซักผ้าเครื่ิงเดียว(ประมาณ70kg) แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะใช้งานได้กี่วัน ไม่เป็นไรถ้าแตกก็ค่อยเทพื้นใหม่ก็แล้วกัน
  แต่สำหรับท่านที่คิดจะทำก็แนะนำว่าควรใช้ซีเมนต์ผสมเทจะแข็งแรงกว่าครับ

  เริ่มจากเอาอิฐมวลเบามาวางเรียงต่อกันตามขนาดพื้นที่ที่กำหนด อาจจะต้องตัดบ้าง แต่อิฐมวลเบาตัดง่ายมาก ใช้เลื่อยมือธรรมดาก็ตัดได้ครับ สำหรับรอยต่อก็ใช้ปูนซีเมนต์อุดไป ส่วนการปรับระดับไม่ต้องแก้เพราะระดับพื้นเดิมทำไว้แล้ว วางอิฐทับได้เลย

  พอปูนแห้งดีแล้ว ลองเช็คระดับดูว่าใช้ได้ไหม คือให้มี slope เล็กน้อยเพื่อไม่ไห้น้ำขังครับ ถ้าใช้ได้ก็ปูกระเบื้องได้แล้วครับ

  ขั้นต่อมาก็เดินท่อน้ำรอไว้ครับ ของเดิมจะมีฝักบัวสำหรับอาบน้ำอยู่ ผมก็จะใช้ท่อนี้แยกเป็น2ทางก็คือ ก๊อกน้ำเครื่องซักผ้า และอีกอันเดินท่อใหม่ในผนังที่ก่อเพิ่มและทำเป็นท่อน้ำฝักบัว อย่าลืมเจาะท่อระบายน้ำทิ้งด้วยนะครับ ผมเจาะออกข้างนอกเลยแล้วจะไปทำถังพักไว้ เอาไว้รดต้นไม้ครับ จะได้ไม่ทิ้งน้ำไปเปล่าๆ
   พอถอดวาล์วฝักบัวอาบน้ำออกก็เจอปัญหาอีกแล้วครับ ท่อที่เดินในผนังคาดว่าตอนทำน่าจะโผล่จากผนังออกมากใส่วาล์วน้ำแล้วไม่สวย เพราะจะมีตัวครอบตรงฐานของวาล์วแล้วมันไม่แนบกับผนัง ช่างระดับมืออาชีพก็เลยเจียรออกไปเลย ดูวิธีแก้ปัญหาของเขาสิครับ ง่ายสำหรับเขาจริงๆ แต่เวลาเราทำต่อนี่สิครับ ใส่ก๊อกแบบไหนไปรั่วตลอด กว่าจะหาทางแก้ได้เล่นเอาเหงื่อตกเลยครับ

   ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันรั่วจากทางไหน ใช้ข้อต่อทองเหลืองมาต่อเพิ่ม ใช้เทปพันเกลียวจนแน่นก็ยังรั่ว สุดท้ายก็ต้องนี่เลยครับ อีพ๊อกซี่ติดเหล็กครับ ผสมแล้วอุดเข้าไปทิ้งไว้ให้แห้งสนิท 1 วัน อยู่เลยทีนี้
ท่อตรงมุมเสาเป็นท่อน้ำทิ้งครับ เจาะผนังสอดท่อไปข้างนอกบ้าน

ขั้นตอนที่ 2 กั้นผนังห้อง แบ่งพื้นที่ เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นมาโดนเครื่องซักผ้า และเป็นที่แขวนฝักบัวอาบน้ำด้วย
  ผมใช้อิฐแดงก่อขึ้นเป็นผนัง สูงประมาณ 80 cm. ด้านบนเสริมด้วยบล็อคแก้วต่อจนเกือบสุดเพดาน ห้องจะได้ดูไม่ทึบเกินไป ขั้นตอนการก่อผนัง จะกล่าวในหัวข้อต่อไปครับ
   ก่อนก่อผนังต้องสกัดกระเบื้องออกบางส่วนเพื่อให้ผนังยึดเกาะกันได้ดีหรือไม่ก็ใช้เหล็กเส้น เสียบไปในผนังก็ได้ครับ  ผมใช้เหล็กเส้น 2 หุน ตัดยาว ซัก 20 cm เสียบทุกระยะ20-30 cm. พอก่อจนถึงระดับที่ต้องการก็เตรียมก่อบล๊อคแก้วต่อเลย
  ก่อผนังเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการติดกระเบื้องให้สวยงามตามใจชอบ สีนี้ให้เด็กๆเลือกครับ


ขั้นตอนที่ 3 เดินสายไฟสำหรับเครื่องซักผ้าและหลอดฟลูออเรสเซนต์
  ผมเดินสายไฟต่อจากตู้ Main ของบ้าน โดยต่อ breaker เพิ่มอีก 1 ตัวสำหรับเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะ ใช้สายไฟขนาด 2 x 4 mm  เจาะทะลุผ่านฝ้าเพดานลงมา ใช้รางครอบสายไฟเดินจากใต้บันไดจนเข้าไปในห้องน้ำ จะได้ดูไม่น่าเกลียดเกินไป  ใช้บล๊อคลอยติดปลั๊ก 1 ตัวและสวิทช์ปิดเปิดหลอดไป อีก 1 ตัวสำหรับหลอดไปแสงสว่างที่ต่อเพิ่ม

ระวัง การต่อสายไฟต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะทำงานใกล้กับสายไฟฟ้าที่เดินจากเสาไฟฟ้าภายนอกอาคารเข้ามาในบ้าน ฉนั้นต้องระวังอย่าสำผัสโดนสายไฟ และควรปิด breaker  main ลงก่อน และควรหาถุงมือที่ใช้สวมป้องกันไฟฟ้าด้วยจะดีมากครับ



ติดรางม่านด้วยตัวเอง (DIY : Eyelet curtain)


ม่านตาไก่


ขั้นตอนการติดตั้งราวผ้าม่านด้วยตัวเอง

1. เลือกสีและรูปแบบม่านที่ต้องการ

2. วัดขนาดของช่องประตูหรือหน้าต่าง โดยปกติจะเผื่อความกว้างของม่านให้กว้างกว่าบานหน้าต่างประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อให้ปิดของหน้าต่างได้มิดชิด และสวยงาม ส่วนความยาวก็แล้วแต่ความพอใจครับ อาจจะซัก 20 หรือ 30 เซนติเมตรเลยก็ได้ แต่อย่าให้สั้นไปจะดูไม่สวยครับ ถ้ายาวไปก็อาจจะเกะกะครับ

วัดระยะห่างจากขอบหน้าต่างบน 10 cm และข้างก็ 10 cm เป็นตำแหน่งขายึดราว

3. เลือกราวม่านและขายึดราจม่านตามใจชอบ แต่ต้องวัดขนาดของช่องประตู หน้าต่างที่จะติดด้วย อย่าลืมวัดเผื่อความยาวของราวไว้ด้วยครับ ส่วนตัวขายึด มีทั้งที่เป็นราวเดี่ยวและราวคู่ คือราวเดี่ยวจะแขวนม่านได้ ชั้นเดียว ส่วนราวคู่จะแขวงม่านได้ 2 ชั้น เป็นม่านโปร่ง 1 ชั้น และม่านทึบอีก 1 ชั้น




ได้ตำแหน่งที่ต้องการแล้ว ก็เจาะฝังพุก ยึดสกรูได้เลยครับ

4. การติดตั้งราวม่าน ต้องดูระดับที่จะแขวนราวก่อนให้ห่างจากขอบบนของหน้าต่างสัก 10-15 เซนติเมตร ก็น่าจะพอ ถ้าหน้าต่างกว้างอาจจะต้องใช้ขายึดราว 3 ตัว ตือ ซ้ายขวาและกลางหน้าต่าง เพื่อไม่ให้รางแอ่นเวลาแขวนม่านแล้ว จากนั้นก็กำหนดจุดที่จะเจาะรูฝังพุกและยึดสกรู พุกที่ใช้อาจจะใช้เบร์ 5 หรือ 6 ก็ได้ครับ แต่ผมใช้เบอร์ 5 ครับ เพราะขนาดไม่ใหญ่ไปและไม่ได้รับน้ำหนักอะไรมาก โดยอาจจะเจาะก่อนขาละรู พอคิดว่าได้ที่ดีแล้วค่อยเจาะเพิ่มให้หมดก็ได้ครับ


ใช้ที่ตัดท่อให้ได้ความยาวที่ต้องการครับ ใช้ไม่ยาก บิดๆ หมุนๆไป

5. ขนาดของท่อราวม่านที่จะใช้ก็ต้องเป็นขนาดเดียวกับขายึดครับ คือขนาดของตัวราวจะมีขนาด 19 , 22 ,25 หรือ 28 มิลลิเมตร แต่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่านี้ไม๊ไม่ทราบนะครับ แต่ที่เดินดูจะมีขนาดประมาณนี้ครับ เพราะฉนั้นเวลาเลือกซื้อให้ดูที่ขนาดราวและขายึดด้วยว่าเป็นขนาดเดียวกันหรือไม่ครับ พอได้ราวตามขนาดและความยาวที่ต้องการแล้ว ก็ตัดให้ได้ตามความยาวที่ต้องการโดยใช้เครื่องตัดท่อครับ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้าง ราคาก็ขึ้นกับคุณภาพครับ ผมซื้อแบบราคาไม่แพงเพราะไม่ได้ใช้ตัดมากมาย เป็นอาชีพ แค่พอตัดได้เสร็จทั้งบ้านก็พอ

6. ลองนำราวไปวางบนขาดูว่า ที่ตัดมาพอดีไหม ถ้าพอดีแล้วก็เอาผ้าม่านใส่ไปได้เลยครับ

ขาเอาแบบธรรมดาก็พอ ประหยัดเงินครับ เวลาติดม่านไปแล้วก็ไม่เห็นแล้วครับ



7. ปลายของราวก็หาซื้อหัวสำหรับปิดราวม่าน ลวดลายรูปแบบตามใจชอบครับ





หมายเหตุ ผ้าม่านสั่งร้านเขาตัด คือว่าไม่มีความสามารถทำเองได้ครับ แต่ต้องวัดขนาดให้ดีนะครับถ้าเกิดสั้นหรือยาวไปต้องเสียเวลาไปแก้อีก (เฉพาะค่าผ้าม่านก็เป็นหมื่นแล้วครับ แพงมากๆ)

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซ่อมท่อประปารั่วซึม


บางคนอาจจะเคยประสบกับปัญหาท่อน้ำภายในบ้านรั่ว หรือท่อน้ำประปาแตก ซึ่งการซ่อมแซมจะทำได้ยาก โดยเฉพาะบ้านที่เดินท่อภายในผนังบ้าน ซึ่งถ้าจะซ่อมก็ต้องทุบผนังและกระเบื้องตรงบริเวณที่จะซ่อมเพื่อหาบริเวณที่ท่อแตก และถ้าบ้านคุณไม่มีแผนผังการเดินท่อน้ำ หรือจำไม่ได้ว่าเดินท่อน้ำไปตรงไหน อย่างไร ก็คงยากนิดหน่อยครับ ( ซึ่งโดยส่วนใหญ่คงไม่มีหรอกครับ )

แต่ถ้าจ้างช่างมาซ่อมให้ ก็เสียค่าจ้างไม่ใช่น้อยนะครับ และไหนจะค่าวัสดุสำหรับซ่อมแซมอีก เช่น ปูน ทราย กระเบื้องใหม่ ปูนปูกระเบื้อง เป็นต้น ก็ไม่น้อยอีกล่ะครับ แล้วถ้าไปจ้างช่างที่ไม่เป็นงานล่ะก็ เรื่องยาวครับ เพราะนอกจากจะซ่อมไม่ดี มีโอกาสรั่วอีก ยังอาจจะเจองบบานปลายด้วย เพราะช่างไม่เก่งก็ทุบไปเรื่อยๆครับ จนกว่าจะเจอ พอซ่อมเสร็จก็ตามเก็บงานกันอีกเยอะ

เป็นปัญหาหนักอกของคนรักบ้านทีเดียวครับ ใช่ว่าจะซ่อมแล้วจะดีเหมือนเดิมเป๊ะ ยิ่งบ้านสร้างมานานแล้ว กระเบื้องลายเดิม สีเดิม อาจจะไม่มีแล้ว ต้องหาลายอื่นมาแทน ดูเสียราคาไปเลย ซึ่งอันนี้ผมเจอมาแล้วก็เลยจะนำประสบการณ์ การซ่อมท่อประปาแตกและรั่วด้วยตัวเองมาเล่าให้ฟังครับ

ออกตัวไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่ช่างโดยอาชีพครับ แต่ผมตั้งใจทำอย่างดีที่สุด เพราะเราซ่อมบ้านของเราเอง ก็อยากให้ดีที่สุดครับ เหตุที่ต้องทำเองคือตามช่างมาซ่อม 2 ครั้งแล้วไม่หายครับ ซ่อมแต่ตรงท่อน้ำทิ้ง ซึ่งไม่ใช่จุดที่น้ำรั่ว เลยตัดรำคาญ ซ่อมเองซะเลย

มาดูเครื่องมือ และวัสดุ ที่ต้องใช้ก่อนครับ

เครื่องมือ

- สกัด

- ค้อน

- เกรียงก่อ

- ถังปูน

- เกรียงปาดกาวปูกระเบื้อง

- แว่นตา ป้องกันเศษหินกระเด็นเข้าตา

- ถุงมือแบบผ้าก็ได้ครับ

วัสดุ

- อิฐแดง

- ปูนก่อ

- ทรายหยาบ

- ปูนปูกระเบื้อง

- กระเบื้อง พยายามหาลายที่ใกล้เคียงกับลายเดิม

- ท่อ PVC ดูตามขนาดท่อเดิมที่เดินไว้

- เทปพันเกลียวท่อน้ำ

- กาวติดท่อน้ำ PVC

- ห่วงเหล็กรัดท่อ

คาดคะเนดูว่าท่อน่าจะเดินไปทางไหน แล้วค่อยๆทุบ

ผมพบว่าน้ำที่รั่วไหลออกจากท่อน้ำทิ้งของชักโครก ไม่ได้ใช้ชักโครกก็มีน้ำไหลออกมา จึงแน่ใจว่าไม่ได้รั่วจากท่อน้ำเสีย แต่น่าจะเกิดจากท่อน้ำดี แลัวบังเอิญใปออกที่ท่อน้ำเสียที่อยู่ใกล้ๆ เลยต้องรื้อชักโครกออกก่อน แล้วลองเอาปูนโบกตรงรอบๆปากท่อ แต่ไม่ได้ผลครับ เพราะน้ำมันไหลอยู่ใต้พื้นลงไปอีก ดูภาพประกอบครับ



เริ่มงานกันได้ โดยให้สั่งเกตุจากตำแหน่งที่น้ำรั่วออกมาครับ แล้วกะดูว่าท่อน่าจะอยู่บริเวณไหน พอได้แล้วคิดว่าไม่พลาดแน่ก็ลงมือ ทุบได้เลยครับ ใช้สกัดกับค้อนค่อยๆทุบไป เบาๆนะครับ บ้านมันแพง และระวังจะทุบโดนท่อ เดียวจะต้องซ่อมมากกว่าเดิม

ระวัง! กระเบื้องเซรามิกผนังห้องน้ำคมมาก เวลาสกัดออก เบาๆหน่อยครับ อย่าลืมสวมแว่นตาและถุงมือด้วยครับ ถ้ามีกางเกงขายาวกับรองเท้าด้วยก็ยิ่งดี เพราะผมโดนมาแล้ว เลือดสาดเลยครับ ก็ทีแรกไม่รู้ว่ามันคม ก็เอามือเปล่ากวาดเศษที่ทุบใส่ถัง ปรากฏว่าเลือดเต็มมือเลย


บริเวณที่คาดว่าท่อจะแตก อยู่หลังชักโครก ยกชักโครกออกไปก่อน ขออภัยหากภาพไม่เหมาะสม แต่ห้องน้ำนี้ยังไม่ได้ใช้นะครับ

ทีนี้พอเจอท่อแล้ว ก็ค่อยๆไล่ตามท่อไปเรื่อยๆว่าน้ำไหลออกมาจากตรงไหน พอเจอแล้วก็ไปปิดวาล์วหรือปิดปั๊มน้ำก่อนครับ


ทุบไปเจอท่อที่แตกแล้ว ดีใจครับ ใช้เวลานานพอสมควร

เจอปัญหาอีกครับว่าท่อมันเดินอยู่ในผนัง ตรงรอยแตกอยู่กลางท่อ เวลาตัดท่อที่แตกออกแล้วใส่ท่อใหม่เข้าไป จะต้องมีระยะห่างสำหรับสวมท่อเข้าไป ซึ่งก็หมายถึงต้องสกัดปูนออกตลอดแนวท่อ เพื่อให้สามารถดึงท่อออกมาตัดออก สวมท่อใหม่เข้าไปแทน แล้วยัดกลับที่เดิม โอย...ยาก งานหนักมาก


การซ่อมโดยปกติต้องตัดส่วนที่แตกออกแล้วใช้ข้อต่อมาสวมเข้าไปแทน แต่ทำยากมาก

เอาอย่างนี้แล้วกัน ไม่ต้องตัดที่เดิมออก แต่ใช้ท่อที่ใหญ่กว่า ผ่าครึ่ง เอาไปครอบตรงรอยแตก แทน น่าจะง่ายกว่า



เริ่มจากตัดท่อยาวพอประมาณกะดูว่าสามารถปิดตรงรอยแตกได้หมด อาจจะยาวเผื่อสักข้างละ 1 นิ้วก็ได้ ผ่าครึ่ง เอาไปสวมครอบตรงรอยแตก ก่อนจะเอาไปครอบให้ใช้กระดาษทราย ขัดพื้นผิวที่จะทากาวเสียก่อน ทากาวในบริเวณที่จะติดกันให้ทั่ว ค่อยๆติดลงไปกดให้แน่น เนื่องจากผมเกรงว่าการติดกาวเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถทนทานต่อแรงดันของปั๊มน้ำได้ในระยะยาว ประกอบกับรอยแตกมีขนาดใหญ่ ผมจึงใช้ ห่วงเหล็กสำหรับรัดท่อ รัดไว้อีกที ขันสกรูให้แน่นๆ ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกทีว่าปิดรอยแตกหมดหรือไม่ จากนั้นก็รอให้กาวแห้ง ซึ่งจะให้แน่นอนก็ทิ้งไว้ 1 วันนะครับ

ข้อควรระวัง! เนื่องจากกาวติดท่อ PVC เป็นสารระเหยที่มีอันตราย หากสูดดมเข้าไป ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการ เวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน ได้ ดังนั้นควรสวมหน้ากากปิดปาก จมูกป้องกันตัวเองด้วยครับ และควรเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท อาจใช้ แปรงขนาดเล็กหรือพู่กันใช้ในการทากาวด้วยก็ได้ครับ

การทำงาน ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองมากครับ เพราะหากทำเองแต่ต้องเจ็บป่วยไป ก็ไม่คุ้มครับ เพราะฉนั้น เครื่องไม้เครื่องมือ ลงทุนซื้อหน่อยเถอะครับ จะได้ทำงานง่ายและปลอดภัยกับตัวเองครับ


ซ่อมเรียบร้อย ไม่รั่วแล้วครับ

การซ่อมท่อแตกสำเร็จไปได้ด้วยดี น้ำไม่รั่วแล้ว ผมทดลองใช้งานตามปกติ เปิดปั๊มน้ำไว้ตลอดเลยครับ ประมาณเดือนนึงครับ จึงค่อยปูกระเบื้องปิดร่องรอยความเสียหายครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การซ่อมแซมกระเบื้องผนังห้องน้ำ


เมื่อมีการทุบผนังห้องน้ำเพื่อซ่อมแซมท่อน้ำ แน่นอนว่าเมื่อซ่อมเสร็จก็ต้องก่อผนังส่วนที่ทุบออก และปูกระเบื้องกลับตามเดิม คงไม่มีใครปล่อยไว้แบบนั้น เพราะนอกจากจะดูไม่สวยแล้วยังอาจมีสิ่งสกปรก สัตว์เลื้อยคลานหรือแมลง เข้าไปอยู่ได้

ดังนั้น เราจะมาลองปูกระเบื้องห้องน้ำด้วยตัวเองกัน โดยไม่ต้องจ้างช่างครับ
เริ่มจาก เครื่องมือที่ต้องใช้ครับ

- ค้อนยาง
- เกรียงหวีสำหรับปูกระเบื้อง
- เครื่องตัดกระเบื้อง ราคาค่อนข้างแพงสักหน่อย แต่ถ้าซื้อแล้วก็ใช้งานได้คุ้มค่าดีครับ ราคาถูกหรือแพงก็ขึ้นกับขนาดของกระเบื้องที่สามารถตัดได้และคุณภาพของครับ
- คีมตัดกระเบื้อง เอาไว้ตัดกรณีที่ใช้เครื่องตัดไม่ได้ครับ เช่น บริเวณที่เป็นเหลี่ยมมุม หรือ รูท่อน้ำ
- ถังผสมปูน
- ยางปาดยาแนวกระเบื้อง

วัสดุ ก็มี
- กระเบื้อง สีขนาดตามใจชอบครับ
- ปูนกาวปูกระเบื้อง มีให้เลือกทั้งแบบปูกระเบื้องใหม่ หรือแบบปูทับกระเบื้องเก่า ราคาถูกแพงต่างกัน เลือกเอาตามความเหมาะสมครับ
- Spacer หรือตัวคั่นระหว่างกระเบื้องแต่ละแผ่น เพื่อให้ช่องว่างระหว่างกระเบื้องเท่าๆกันครับ แต่อาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้ครับ ผมก็ไม่ใช้ครับ พอดีหาซื้อไม่ได้
- ปูนยาแนวกระเบื้อง สีตามความพอใจครับ
- นอกนั้น อาจจะใช้สายเอ็นขึง หรือระดับน้ำช่วยในการปูด้วยก็ได้ จะได้ปูกระเบื้องได้ตรงและได้ระดับครับ

ลงมือทำงานกันเลยครับ

1.การเตรียมพื้นผิวที่จะปูกระเบื้อง ต้องสะอาดปราศจากฝุ่น ดิน น้ำมัน พื้นผิวได้ระดับ เนื่องจากจะมีผลต่อการยึดเกาะของกระเบื้อง ราดน้ำบนพื้นหรือผนังที่จะปูกระเบื้องให้ทั่ว อาจจะราดน้ำซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ผนังปูนดูดน้ำจนเต็มที่ ทิ้งไว้ใไห้ปูนซึมน้ำซักพัก ให้ปูนพอหมาดๆ อย่าให้มีน้ำขัง ถ้ามีให้ซับออกก่อน แต่ถ้าปูทับบนกระเบื้องเก่าก็ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน

2. ผสมปูนสำหรับก่ออิฐซ่อมแซมส่วนที่ทุบออกไปโดยใช้ปูนซีเมนต์ 1 ส่วนกับทรายละเอียดหรือปานกลางที่สะอาด 3ส่วนด้วยการตวง ผสมให้เข้ากันแล้ว ใส่น้ำให้ มีความข้นเหลวพอเหมาะที่จะทำงานได้ อย่าให้เหลวเกินไปนะครับ พอก่อผนังปิดเรียบร้อยแล้ว ก็ทิ้งไว้ให้ปูนแห้ง ซัก 1 วันก่อนค่อยเริ่มปูกระเบื้อง

3. ก่อนปูกระเบื้องควรกะขนาดของพื้นที่กับกระเบื้องดูก่อนว่าจะปูอย่างไรจึงจะสวย ซึ่งถ้าปูทับกระเบื้องเก่า และขนาดกระเบื้องเท่ากันก็ไม่ยากครับ ก็ปูตามแนวเดิมได้เลย แต่ถ้าปูใหม่หมดก็ต้องทำแนวระดับ ใช้ปักเต้าเส้นจะได้ตรงครับ ดูแนวกระเบื้องผนังด้านอื่นๆ ด้วยก็ดีครับ เส้นแนวจะได้ต่อกันพอดี



4. ผสมปูนกาวสำหรับปูกระเบื้องเซรามิก เวลาเลือกซื้อให้ดูตามฉลากข้างๆถุงครับว่าใช้สำหรับปูกระเบื้องแบบไหน หรือไม่ก็ถามคนขายก็ได้ ผสมปูนกับน้ำอย่าเติมน้ำมากเกินไป เพราะปูนจะเหลวและแปะกระเบื้องไม่อยู่ ค่อยๆเติมน้ำและคนผสมไป เพื่อผสมเข้ากันดีแล้วก็ทิ้งไว้ซัก 10 นาที ให้ปูนบ่มตัวก่อน พอจะใช้ก็คนอีกทีครับ

ปูนกาวมีหลายประเภทหลายยี่ห้อ ราคาแตกต่างกันครับ ดังนั้นเวลาเลือกต้องให้เหมาะกับงานที่ทำครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้แบบราคาแพงก็ต้องยอม ไม่เช่นนั้นถ้าใช้วัสดุผิดประเภท อาจจะต้องซ่อมใหม่ในอีกไม่ช้านะครับ



5. เริ่มปูกระเบื้อง โดยใช้เกรียงปาดปูนลงบนผนังให้ทั่ว แต่โดยปกติจะค่อยๆปาดไป เพราะผมไม่ใช่ช่างมืออาชีพครับ ปูช้าหน่อย ถ้าปาดไปมากเดี๋ยวปูนแห้งหมดก่อน จากนั้นก็ใช้เกรียงหวีปาดซ้ำ แล้วเริ่มแปะกระเบื้องตามแนวที่กำหนดไว้



6. ส่วนบริเวณที่กระเบื้องไม่เต็มแผ่นหรือเหลี่ยมมุม ก็ต้องตัดกระเบื้องก่อน โดยใช้แท่นตัดกระเบื้องและคีมตัดกระเบื้องช่วยครับ โดยวัดขนาดของพื้นที่ แล้วมาร์คตำแหน่งที่ลงบนกระเบื้อง ต้องระวังถ้าทั้งสองด้านกว้างยาวไม่เท่ากันด้วยครับ เพราะถ้าตัดผิดก็ติดแล้วดูไม่สวยหรืออาจจะใช้ไม่ได้เลยนะครับ

 
ตัวอย่างของเครื่องตัดกระเบื้อง จะใช้อันเล็กหรือใหญ่ก็แล้วแต่ขนาดกระเบื้องครับ



7. เมื่อแปะกระเบื้องเรียบร้อย รอให้ปูนหมาดสัก 2 ชั่วโมง แล้วทำความสะอาด เช็ดปูนส่วนเกินออกให้หมด แล้วทิ้งไว้ให้ปูนแห้งสนิท 1 วันครับ

8. ยาแนวกระเบื้อง โดยใช้ปูนสำหรับยาแนว พื้นที่ไม่เยอะก็ใช้ซัก 1 กิโลกรัม ก็พอครับ ซึ่งโดยปกติที่ถุงปูนจะบอกไว้อยู่ว่าสามารถยาแนวได้พื่นที่เท่าไร แต่ก็ขึ้นกับขนาดกระเบื้องและความกว้างของร่องด้วยครับ ผสมปูนกับน้ำพอประมาณอย่าใส่น้ำเยอะครับ ค่อยๆคนผสมแล้วเติมน้ำลงไปทีละนิด จนละลายเข้ากันดีไม่เหลวหรือข้นไป

9. เริ่มยาแนวโดยใช้เกรียงยางสำหรับยาแนวปาดปูนลงในร่องให้ทั่ว ดูเหมือนไม่ยากครับแต่ว่าทำจริงๆก็พอสมควร วิธีปาดปูนให้กวาดเกรียงเฉียงๆกับแนวร่อง ถ้าปาดตามแนวร่องปูนอาจจจะหลุดออกได้ครับ

10. ปาดปูนลงในร่องจนหมดแล้ว ก็ทิ้งไว้ซักครู่ แล้วใช้ ฟองน้ำชุบน้ำบิดพอหมาดๆ เช็ดเบาๆ เอาปูนที่ติดบนกระเบื้องออก ทำซ้ำอีกซักครั้ง ระวังอย่าเช็ดแรงไปเดี๋ยวปูนในร่องหลุดออกมาด้วยครับ ทิ้งไว้อีกซัก 2 ชั่วโมง แล้วทำซ้ำอีกทีจนไม่มีปูนติดบนกระเบื้องก็เป็นอันเสร็จครับ

11. วางสุขภัณฑ์กลับที่เดิม ต่อท่อน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็ทำความสะอาด ก็พร้อมใช้งานได้ตามเดิมครับ

" อัตตาหิ อัตโนนาโถ "

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน